ในโลกยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีและนวัตกรรมการถ่ายภาพได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนเราก้าวข้ามพ้นข้อจำกัดในเรื่องของการใ ช้ฟิล์มถ่ายภาพ ไปสู่ยุคแห่งการครอบงำของระบบดิจิตอลกันแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกแห่งการถ่ายภาพจากฟิล์มสู่ดิจิตอลเป็นพลวัตหลักที่ขับเคลื่อนให้ค่านิยมทางวัตถุ วัฒนธรรมของเทคโนโลยีการสื่อสาร และการแสดงออกทางความคิดของมนุษย์ยุคใหม่เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย นวัตกรรมดังกล่าวได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจในการถ่ายภาพสามารถเข้าถึงศาสตร์ของการถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น

ในอดีต กว่าจะได้ภาพถ่ายมาสักภาพหนึ่งต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ตั้งแต่การโหลดฟิล์มลงกล้อง การถ่ายภาพด้วยจำนวนฟิล์มที่จำกัด ไปจนถึงการล้างฟิล์มและอัดภาพในห้องมืด ในขณะที่ทุกวันนี้ ผู้ถ่ายภาพสามารถใช้ memory card หรือการ์ดหน่วยความจำขนาดจิ๋วเพียงแผ่นเดียวในการถ่ายภาพ โดยไม่ต้องใส่ใจกับวันหมดอายุของฟิล์มหรือจำนวนม้วนฟิล์มที่ต้องหอบหิ้วไปด้วยในแต่ละวัน แถมกล้องระบบดิจิตอลยังสามารถรองรับหน่วยความจำได้สูง เอื้อให้ผู้ใช้ถ่ายภาพได้เป็นร้อยเป็นพันด้วยการ์ดหน่วยความจำเพียงแผ่นเดียว ขั้นตอนการรังสรรค์ภาพถ่ายที่สะดวกรวดเร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัดถือเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับตากล้องมือสมัครเล่น แต่ในทางกลับกัน ก็อาจกลายเป็นฝันร้ายของช่างภาพมืออาชีพจำนวนไม่น้อย ยิ่งในเวลานี้ อุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายภาพในตลาดการแข่งขันไม่ได้มีเพียงกล้อง DSLR จากบริษัทผู้ค้ากล้องชั้นนำเท่านั้น ค่ายโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Nokia iPhone หรือ BlackBerry ต่างก็พยายามแข่งกันพัฒนาฟังก์ชั่นในการถ่ายภาพของ smartphone แบบเรียกได้ว่าไม่มีใครยอมใคร กล้องระบบดิจิตอล ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของสื่อชนิดใดก็ตามเอื้อให้ผู้ใช้สามารถลองผิดลองถูกด้วยการหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายแล้วลบจนกว่าจะได้ภาพ ที่สวยงามถูกใจโดยไม่ต้องลงทุนกับฟิล์ม

อย่าลืมว่า หัวใจหลักของการถ่ายภาพคือการหยุดช่วงเวลาหนึ่งไว้เพื่อนำมาถ่ายทอดตามวัตถุประสงค์ ความรู้สึกนึกคิด และมุมมองของผู้กดชัตเตอร์ เรื่องราวผ่านเลนส์จึงมิได้จำกัดอยู่แค่ในกรอบสี่เหลี่ยมของภาพถ่ายที่เป็นผลผลิตของเทคโนโลยีเท่านั้น แต่เป็นความร่วมมือและการประสานเชื่อมโยงที่ยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ส่งสาร ตัวสารที่ถูกคมชัตเตอร์บันทึก และผู้บริโภคสารซึ่งอาจมีจำนวนตั้งแต่หนึ่ง ไปจนถึงบุคคลกลุ่มใหญ่ที่มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน

มืออาชีพตัวจริงคือผู้ที่สามารถยืนหยัดได้ด้วยการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างทักษะด้านเทคโนโลยีและการ ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านมุมมองในการถ่ายภาพ ไม่ใช่ด้วยความอัจฉริยะของโปรแกรมดิจิตอล ความรุดหน้าของเทคโนโลยีอาจเป็นเครื่องทุ่นแรงและทำเรื่องยากทางเทคนิคให้ง่ายขึ้น ซึ่งยกระดับมาตรฐานการทำงานและคุณภาพของผลงานแบบมืออาชีพให้สูงขึ้น ถ้าการถ่ายภาพคือการหยุดเวลา ความก้าวหน้าในการพัฒนากล้องหรืออุปกรณ์ก็เพื่อเอื้อให้โอกาสหยุดเวลาเป็นไปตามต้องการยิ่งขึ้น ศาสตร์การถ่ายภาพมืออาชีพไม่ได้กำลังเสื่อมหายไป แต่กำลังเปลี่ยนไป ช่างภาพมืออาชีพต้องเปิดกว้างรับรู้ เรียนรู้และขยายขอบเขตในการทำงานให้กว้างขึ้นไปพร้อมกับมาตรฐานที่สูงขึ้น เพื่อที่จะก้าวให้ทันโลกของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ถ้าจะมองย้อนกลับไป เทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพก็ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องไม่เคยหยุดนิ่ง และได้เปลี่ยนโลกของการถ่ายภาพมาทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่โจเซฟ นิเซเฟอร์ เนียพเซ่ ชาวฝรั่งเศส บุกเบิกการถ่ายภาพด้วยกล้องออบสคิวราเป็นครั้งแรกในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 แล้ว จากอดีตสู่ปัจจุบัน ผลงานระดับมืออาชีพไม่เคยเป็นผลพวงของความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการหลอมรวมกันระหว่างศักยภาพของเครื่องมือและทัศนวิสัยที่แหลมคมเป็นเอกลักษณ์ส่วนบุคคล ที่จะช่วยแยกความเป็นมือสมัครเล่นออกจากมืออาชีพได้อย่างมีชั้นเชิง

Tags: ,

Comments are closed.

Powered by WordPress | Theme by RoseCityGardens.com